Tuesday, September 11, 2012

First Moment (แรกเราพบกัน)

พิมกับยุ่นต้องแยกกันอยู่ตั้งแต่ตอนที่ท้องเจ้าวู้ดไพล์ได้ 20 สัปดาห์ แหม่...พูดว่าแยกกันอยู่ ฟังดูเหมือนกับครอบครัวมีปัญหา จับได้ว่าสามีแอบไปมีกิ๊ก ภรรยายุคใหม่เยี่ยงเราเลยต้องสะบัดบ๊อบเชิดใส่หอบผ้าหอบผ่อนพร้อมกับท้องโตๆหนีออกจากบ้านไป แว้กกกก ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คือจริงๆแล้วเราสองคนใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นค่ะ แต่พอมีลูกน้อยว่ายน้ำอยู่ในพุง ก็มานั่งจับเข่าคุยกันจริงๆจังๆว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี จะคลอดและอยู่เลี้ยงลูกที่ประเทศญี่ปุ่น ใช้ชีวิตที่ประเทศนี้ต่อไป หรือว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราควรจะกลับไทยแลนด์แดนสยามของเราเป็นการถาวรเสียทีและคำตอบสุดท้ายของเราก็คือ กลับบ้านราวววว ร้ากรออยู่ ดีกว่า

แต่พิมต้องกลับไปคนเดียวก่อน ยุ่นไม่สามารถจะกลับพร้อมกันได้เพราะยังต้องอยู่สะสางงานในหน้าที่อีกหลายอย่างกว่ายุ่นจะกลับมาได้ก็โน่นเลย...วันที่ 20 สิงหาคม หรือวันที่พิมมีอายุครรภ์ครบ 36 สัปดาห์ 6 วัน ช่วงที่ร้อรอรอการกลับมาของยุ่นอยู่ที่เมืองไทยก็ใจคอไม่ค่อยดี เป็นกังวลเรื่อยๆว่าชั้นจะคลอดก่อนที่ยุ่นจะกลับมามั้ยน้อ ยิ่งได้อ่านประสบการณ์คลอดก่อนกำหนดจากห้องชานเรือนหรือ babyfancy.com ก็ยิ่งกังวล (โรคจิตมากๆ ก็รู้ว่าอ่านแล้วจะต้องกลัว แล้วจะอ่านไปเพื่อ...?) แต่คนที่กลัวที่สุดเห็นจะเป็นคุณพ่อยุ่นที่กลัวมากๆว่าจะพลาดหนึ่งในโมเม้นท์ที่สำคัญที่สุดของชีวิตไป

ยุ่นพูดตลอดว่า ไม่รู้ว่ามันจะเศร้าซักแค่ไหนถ้าสุดท้ายแล้วยุ่นกลับมาให้กำลังใจพิมในห้องคลอดไม่ทัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่ายุ่นจะพลาด...ไม่ได้ยินเสียง "อุแว้" แรกของลูกด้วย แถมยุ่นยังไม่เคยได้สัมผัสพุงของพิมเวลาที่วู้ดไพล์ดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาอีกต่างหาก ทุกครั้งที่เฟสไทม์หากัน ยุ่นจะขอให้เอาลำโพงไปจ่ออยู่ใกล้ๆพุง แล้วพูดบอกลูกว่า

"วู้ดไพล์ครับ วู้ดไพล์รอคุณพ่อก่อนนะครับ อย่าเพิ่งออกมาก่อนที่คุณพ่อจะกลับไปล่ะ วู้ดไพล์เป็นเด็กดี เชื่อฟังคุณพ่อนะครับ" และเจ้าวู้ดไพล์…ก็ไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวัง :)

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม
คุณพ่อยุ่น...เดินทางกลับมาถึงเมืองไทยอย่างปลอดภัยตามกำหนดตอน 4 โมงเย็นของวันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม

พิมไม่ได้ไปรอรับยุ่นที่สนามบิน เพราะถูกยุ่นสั่งไม่ให้ไปรับ ยุ่นกำชับว่าให้นอนนิ่งๆอยู่ที่บ้านนั่นแหละ
ถ้าเป็นไปได้ ให้เคลื่อนไหวตัวให้น้อยที่สุด อย่าทำกิจกรรมฮาร์ดคอร์อันใดที่จะเป็นการกระตุ้นให้เจ็บท้องคลอดในช่วงที่ยุ่นกำลังอยู่บนเครื่องบินเป็นอันขาด

โอเค...สามีกำชับมา ศรีภรรยาอย่างเราก็ต้องเชื่อฟัง!
จำได้ว่าวันนั้นนี่พยายามนอนนิ่งๆแทบจะตลอดทั้งวัน ระหว่างที่นอนๆอยู่ก็กังวลไปต่างๆนานา คิดไปว่า ถ้าเจ้าวู้ดไพล์ดันมาหักมุมไม่รอคุณพ่อ อยากออกมาดูโลกกว้างตอนนี้จะทำยังไงดี แต่...สังเกตอาการของตัวเองแล้วก็เชื่อมั่นว่าลูกยังไม่มาร้อก คือลูกก็ยังดิ้นดี ท้องก็ไม่ได้แข็งอะไร เข้าห้องน้ำก็เช็คตลอดว่ามีมูกล่งมูกเลือดอะไรบ้างมั้ย ทุกอย่างก็ยังปกติดี ปลอบใจตัวเองว่าอย่าเพิ่งกังวลมากไปน่า ลูกน้อยต้องรอคุณพ่ออย่างแน่นอน!

แต่แล้วความกังวลใจมากมายที่สุมอยู่ในจิตใจก็มลายหายสิ้นไปแทบจะในทันทีที่ได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้าน...

“ยุ่น...มาแล้ว!!

รูปครอบครัวรูปแรกของเราสามคนในรอบ 4 เดือน
เปิดประตูบ้านไป เห็นยุ่นยืนยิ้มแป้นแล้นอยู่นี่น้ำตารื้นโผเข้ากอดสามีตัวเองแบบลืมตัวว่าเป็นสาวท้องแก่ไปเลย

อารมณ​์ตอนนั้นมันทั้งดีใจ ทั้งโล่งใจ
สี่เดือนแห่งการรอคอยสิ้นสุดลงเสียที
ในที่สุดยุ่นก็มาทัน !!
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ดีใจๆๆๆ น้ำตาไหลพรากๆ T-T
.......................................................................................................


วันอังคารที่ 21 สิงหาคม

ช่วงเย็นของวันนี้มีนัดตรวจครรภ์ครบ 37 สัปดาห์กับอจ.หมอบุญชัยที่ BNH
ไปถึงรพ. คุณหมอก็จับทำ u/s เพื่อดูว่าเจ้าวู้ดไพล์กลับหัวแล้วหรือยัง เพราะมาตรวจเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตอนอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ วู้ดไพล์อยู่ในท่าก้น (เป็นท่าที่ทารกไม่ยอมกลับตัวเอาหัวลง) คุณหมอก็บอกว่า สัปดาห์ที่ 37 มาดูกันอีกที ถ้ายังไม่กลับหัว ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 38 เป็นต้นไปคงต้องนัดผ่า เพราะการที่ลูกอยู่ในท่าก้นนั้นอันตรายมาก หากน้ำเดิน หรือถุงน้ำคร่ำแตกขึ้นมา สายสะดืออาจจะย้อยลอดหว่างขาของลูกออกมาข้างนอก ทำให้ลูกขาดอ็อกซิเจน เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ 

และผลสรุปจากการ u/s คือ วู้ดไพล์ก็ยังอยู่ในท่าก้น เลยนัดกับคุณหมอว่าจะผ่าคลอดให้เจ้าวู้ดไพล์ออกมาโตข้างนอกในวันอังคารที่ 28 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่จะมีอายุครรภ์ครบ 38 สัปดาห์พอดีเป๊ะ!

คุณหมอถามด้วยว่ามีฤกษ์ผ่ามั้ย ก็บอกคุณหมอไปว่า ไม่มี ขอเป็นฤกษ์สะดวกคุณหมอดีกว่า เอาเวลาที่คุณหมอสะดวก สดชื่น เต็มที่พร้อมกับการผ่าตัด นั่นแหละ ฤกษ์ที่ดีที่สุดของลูกเรา

คุณหมอเช็คตารางเวลาของคุณหมอ แล้วก็บอกว่า งั้นเอาเป็นตอนเช้าซัก 7 โมงครึ่งก็แล้วกัน แล้วคุณหมอก็กำชับว่า ในช่วงหนึ่งอาทิตย์นี้พยายามอย่าเดินมาก แล้วถ้าเกิดมีมูกเลือด ห้ามนั่งชิลอยู่ดูอาการที่บ้านเด็ดขาด ให้รีบบึ่งมาโรงพยาบาลทันที เพราะอย่างที่คุณหมอบอกว่าการที่ลูกอยู่ในท่าก้นนั้นอันตรายมาก

พอออกมาจากห้องตรวจของคุณหมอ ก็ตื่นเต้นกับยุ่นกันใหญ่
จากวันนี้ไปอีกแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้นจะได้เจอกับลูกชายสุดที่รักที่อยู่ในพุงแล้วเหรอเนี่ยะ
การเปลี่ยนแปลงก้าวที่ยิ่งใหญ่มากๆของชีวิตกำลังจะมาถึง โอ๊ยยยยย ตื่นเต้นๆๆ

คืนวันนั้นก็เริงร่าคุยกับยุ่นว่า หนึ่งอาทิตย์ที่เหลือจะทำอะไร และไปไหนกันดี มีข้าวของเครื่องใช้บางอย่างของลูกที่ยังไม่ได้ซื้อ ก็จะได้จัดการให้เสร็จสิ้นในอาทิตย์นี้ คุณหมอเตือนมาว่าอย่าเดินมาก แต่ยุ่นบอกว่ารับรองว่าพิมแทบจะไม่ต้องเดินเลย เพราะยุ่นได้เตรียม wheel chair ไว้เรียบร้อยแล้ว อาทิตย์สุดท้ายก่อนคลอด พิมอยากจะไปช้อปปิ้งที่ไหน อยากทานอะไร ยุ่นจะเข็นๆๆๆ พาพิมไปทุกที่ เป็นการชดเชยช่วง 4 เดือนที่ยุ่นไม่ได้อยู่ใกล้ๆคอยดูแลพิม

ไอ้เราก็ฝันหวาน...จะได้ใช้ชีวิตคู่แบบหวีดหวานหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ (กรี๊ดๆๆ)
แล้วหลังจากนั้นก็จะมีลูกน้อยน่ารักมาเติมเต็มชีวิตคู่ของเรา
PERFECT!
.......................................................................................................

วันพุธที่ 22 สิงหาคม เวลา 0:30 น.โดยประมาณ

ในขณะที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนฝันหวานอยู่บนเตียงนอน โดยที่มียุ่นนอนสลบเหมือดด้วยความเหนื่อยล้าอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกเหมือนว่ามีน้ำอะไรไหลปรื๊ดออกมาเปื้อนกกน.

ตอนนั้นจำได้ว่าหัวใจเต้นตึกตักรุนแรงมาก...ไม่ต้องเข้าห้องน้ำไปดู สัญชาตญาณก็บอกได้ว่ามันไม่ใช่ฉี่แน่ๆ
มันแปลกๆ
มันไม่ธรรมดา
มันไม่ปกติ
หรือว่ามัน...จะเป็น
ว่าแล้วก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ คว้าทิชชู่ เช็ดๆๆ เพื่อทำการคอนเฟิร์ม
และแล้ว...สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คือ...

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

“มูกเลือดดดดดดดดดดดดดด”
มันคือ
“มูกเลือดดดดดดดดดดดดดด”
(555+ ดูคลุ้มคลั่งมากๆ)

รีบวิ่งออกจากห้องน้ำมาปลุกยุ่น
พิม : ยุ่นนนนนนนนน!!! ดูนี่เร็วววววววว มูกเลือดดดดดดดดดดด!!!
ยุ่น : (งัวเงียๆ ไร้เสียงตอบรับ)
พิม : ยุ่นนนนนนนนน!!! ตื่นๆๆๆๆ มูกเลือดมาแล้ว วู้ดไพล์จะมาแล้ว!!!
 ยุ่น : มูกเลือด? วู้ดไพล์?
พิม : ใช่แล้วจ้ะ!!!! วู้ดไพล์จะมาแล้ว!!!
(น้ำตาเริ่มเอ่อ จากทั้งความตื่นเต้น ดีใจ ตกใจ ผสมปนเปมั่วไปหมด)
ยุ่น : ห้ะ?!!! มูกเลือด!!! วู้ดไพล์!!! กระเป๋ารพ.ที่พิมเตรียมไว้อยู่ไหน ไปรพ.กันเดี๋ยวนี้เลย โอ๊ย…แล้วยุ่นยังไม่ได้เตรียมของยุ่นเลย!!! แว้กกกกกกก (ยุ่นขาหมุนเป็นวงกลม) จังหวะที่กำลังล่กกับยุ่นอยู่ คุณยายก็โผล่หน้าเข้ามาในห้อง เพิ่มความโกลาหลให้กับสถานการณ์ขึ้นไปอีก

คุณยาย :  ห้ะ?!!! มูกเลือด!!! วู้ดไพล์!!! วู้ดไพล์หลานยายจะมาแล้ว!!! รอยายด้วยเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บเดียว ยายไปด้วย!!!

จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถ มุ่งหน้าไปโรงพยาบาล ระหว่างอยู่บนรถก็โทร.หาห้องคลอด เล่าอาการให้ฟังด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นว่าเป็นคนไข้ของอาจารย์บุญชัย เพิ่งไปตรวจครรภ์ครบ 37 สัปดาห์กับอาจารย์มาเมื่อวาน เมื่อสักครู่ตอนเที่ยงคืนครึ่งมีมูกเลือดออกมา
พยาบาลที่ห้องคลอดก็ถามกลับมาด้วยเสียงใจดี นิ่งๆ เย็นๆ (สมแล้วที่เป็นพยาบาลประจำห้องคลอด ที่ต้องเจอกับสถานการณ์ตื่นเต้นอยู่บ่อยๆ) ว่ามีมูกเลือดออกมาเยอะมั้ยคะ ก็ตอบกลับไปว่า ไม่เยอะมากค่ะ คุณพยาบาลเลยแนะนำว่า จริงๆแล้วจะรอดูอาการอยู่ที่บ้านก่อนก็ได้ แต่พิมก็บอกไปว่า ล่าสุด u/s  กับอาจารย์บุญชัย พบว่าลูกอยู่ในท่าก้น อาจารย์บอกว่าอันตราย ถ้ามีมูกเลือดไม่ให้รอดูอาการ ให้รีบมารพ.ทันที!! (ยังคงทำเสียงล่กใส่คุณพยาบาลอยู่) คุณพยาบาลได้ยินอย่างนั้นก็บอกว่า เข้าใจแล้วค่ะ มาถึงรพ.แล้วติดต่อแผนกฉุกเฉินนะคะ เดี๋ยวทางแผนกฉุกเฉินจะติดต่อมาที่ห้องคลอดเองค่ะ

โชคดีมากๆที่เจ้าวู้ดไพล์ส่งสัญญาณเตือนตอนดึกดื่นไร้รถราบนท้องถนนแบบนี้
คุณพ่อยุ่นเลยยิงตรง door-to-door จากบ้านถึงรพ.แบบขาสั่นๆในเวลาแค่แป๊บเดียว
.......................................................................................................

เวลา1:00 น. โดยประมาณ

มาถึงรพ. ถูกจับขึ้นเตียงรถเข็น แล้วก็ถูกเข็นๆๆขึ้นมาที่แผนกห้องคลอด
ตอนแรกก็ตื่นเต้นตกใจสุดขีด คิดว่าจะต้องถูกจับผ่าท้องในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
แว้กกกกกกก ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรเลย
ตื่นเต้นๆๆ
แต่...ยังค่ะยัง...ยังไม่ได้ถูกจับผ่า

ห้องที่ถูกเข็นมานอนพัก ยังไม่ใช่ห้องผ่าคลอดค่ะ แต่เป็นห้องรอคลอด
นอนรออยู่แป๊บนึงคุณพยาบาลก็เอาป้ายชื่อมาผูกให้ที่ข้อมือ

คุณพยาบาลผูกป้ายชื่อให้
 แล้วก็ทำการติดเครื่องมือที่ผนังหน้าท้องเพื่อทำการวัดการบีบตัวของมดลูก (Contraction Stress Test) พร้อมกับวัดอัตราการเต้นของหัวใจลูก
ทาเจลเย็นๆที่พุง
พุงเอียงซ้ายอย่างเห็นได้ชัดเพราะเจ้าวู้ดไพล์เอาเท้าน้อยๆทั้งสองข้างยันไว้

ติดเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจวู้ดไพล์  

นอนรอหน้าระรื่นไปเรื่อยๆ อะดรีนาลีนหลั่ง ไม่ง่วงเลยแม้แต่น้อย

วัดไปได้ซักพัก ก็มีคุณหมอสูติเวรมาตรวจภายในเพื่อที่จะดูว่าปากมดลูกเปิดแล้วรึยัง
คุณหมอบอกว่าปากมดลูกยังไม่เปิด แต่ก็เริ่มบางและอ่อนนุ่มลงแล้ว

ยุ่นเลยถามคุณหมอไปว่า
“อย่างนี้ ต้องคลอดพรุ่งนี้เช้าแน่ๆใช่มั้ยครับคุณหมอ”

คุณหมอก็ตอบกลับมาว่า
“ใช่ค่ะคุณพ่อ เช้านี้ได้เจอหน้าลูกแน่ๆค่ะ”


แล้วคุณหมอสั่งให้ถอดเครื่องวัดต่างๆออกจากพุง แล้วให้นอนพักผ่อนเอาแรง เพื่อเตรียมรอขึ้นเขียงในตอนเช้า


ปากก็บอก ไม่ง่วงๆ แต่พอได้ซักตีสามครึ่งก็ผลอยหลับไปด้วยความเพลีย

สลบเหมือด

ตื่นมาอีกทีก็ตอน 6 โมงครึ่ง อจ.หมอบุญชัยเปิดประตูห้องรอคลอดเข้ามาปลุกด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

 คุณหมอบอกว่าเพิ่งเจอกันเมื่อวานแท้ๆ นี่แสดงว่าลูกชายรอคุณพ่อนะเนี่ยะ กลับมาจากญี่ปุ่นปุ๊บ ลูกก็อยากจะออกมาเจอพ่อเลย

จริงที่สุด...คิดย้อนไปแล้วก็ขนลุก...เหมือนกับเจ้าวู้ดไพล์รอคุณพ่อกลับมาจริงๆน่ะแหละ T^T

อจ.หมอตรวจภายในให้อีกรอบนึง ปากมดลูกก็ยังไม่เปิด แต่ก็ค่อยๆบางลงเรื่อยๆ
 คุณหมอเลยบอกว่างั้นอีกสองชั่วโมงครึ่งเจอกัน ผ่าออกซัก 9 โมงเช้าแล้วกันนะ เลขสวยๆ

คุณหมอเดินออกจากห้องรอคลอดไปได้ยังไม่ถึง 15 นาทีดี คุณพยาบาลก็เดินเข้ามาบอกว่า
“คุณพิมคะ คุณหมอขอเลื่อนให้เร็วขึ้นเป็น 7 โมงเช้าค่ะ คุณพิมโอเคมั้ยคะ”

เหลือบมองนาฬิกาตอนนี้ 6 โมง 45 นาที
7 โมงเช้า ก็...อีก 15 นาที
ห้ะ!!! อีก 15 นาที!!!

ยังไม่ได้ทำใจเลย แต่จังหวะนั้น จะตอบว่าไม่โอเคมันก็ไม่ใช่ เพราะใจจริงก็อยากจะเจอวู้ดไพล์ใจจะขาดแล้ว
จะรอไปทำไม
ก็รีบตอบคุณพยาบาลไปว่า

“โอเคค่ะ ไม่มีปัญหา!!!

หลังจากนั้นคุณพยาบาลก็เข้ามาเจาะเลือด เจาะน้ำเกลือ แล้วก็โกน...
(ไม่ขอบรรยายนะคะว่าโกนยังไง จุดนี้ต้องมาลองเองค่ะ 555+)
มีเพื่อนบอกมาว่า เจาะน้ำเกลือนี่เจ็บมาก แต่เอาเข้าจริงตอนนั้นนี่ไม่มีอารมณ์เจ็บปวดจากการถูกจิ้มเจาะแต่อย่างใด เพราะมัวแต่ตกอยู่ในห้วงอารมณ์ของความตื่นเต้น และความกังวลสุดขีด

คิดไปต่างๆนานาว่าลูกจะแข็งแรงปลอดภัยมั้ย ถ้าคุณหมอผ่าลูกออกมาแล้วลูกไม่ร้องอุแว้ๆล่ะ จะทำยังไง หน้าตาลูกก็ยังไม่เคยเห็นชัดๆ ทำ u/s กี่ครั้งๆ เจ้าวู้ดไพล์ก็ไม่ให้ความร่วมมือเลย ไม่เอามือบัง ก็หลบหน้าตลอด หน้าลูกจะเหมือนใคร จะมีส่วนไหนเหมือนเราบ้างมั้ย ฯลฯ

ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ อีกแป๊บเดียว...เราจะได้เจอกับคนที่เราเฝ้ารอคอยมาตลอดหลายเดือน

คนที่เราจะรักอย่างไม่มีเงื่อนไข
คนที่เราพร้อมจะเหนื่อย ลำบาก และมอบทุกอย่างในชีวิตให้
คนที่ถึงจะทำให้เราเสียใจสักแค่ไหน เราก็ไม่มีวันที่จะเลิกรัก และห่วงใยได้
คนที่เราพร้อมจะเจ็บ หรือแม้แต่ตายแทนได้

ระหว่างที่กำลังคิดโน่นนี่นั่นอยู่ รู้ตัวอีกทีก็ถูกเข็นเข้ามาอยู่ในห้องผ่าตัดเรียบร้อย

เข้ามาปุ๊บ ก็โดนเหล่าคุณพยาบาลจับเปลื้องผ้า จุดนั้นก็ไม่มีอายกันล่ะค่ะ
แล้วคุณหมอวิสัญญีแพทย์ก็เข้ามาคุยด้วย ไม่ทราบว่าคุณหมอชื่ออะไร รู้แต่ว่าเป็นคุณหมอผู้หญิงที่เสียงใจดีมากๆ

ขอบอกว่าเพราะเสียงของคุณหมอทำให้ลดความตื่นกลัวห้องผ่าคลอดได้ไปเยอะเลย^^

คุณหมอบอกว่าให้นอนตะแคงซ้ายแล้วขดตัวงอๆเป็นกุ้ง
ไอ้เราก็ว่าพยายามขดตัวสุดๆแล้วนะ แต่คุณพยาบาลก็บอกว่างออีกค่ะๆๆๆ กอดเข่าไว้สิคะ คอชิดอกค่ะ ดูเหมือนคุณพยาบาลจะไม่ค่อยพอใจกับการขดตัวเป็นกุ้งของพิม จนคุณพยาบาลคนนึงต้องเข้ามาช่วยกดหัว และคุณพยาบาลอีกคนหนึ่งมาช่วยดันเข่า จนหัวกับเข่าแทบจะชนกัน ตอนนั้นตกใจมาก กลัวว่าลูกจะเป็นอะไรมั้ย เพราะมันรู้สึกเหมือนกับพุงจะแตก

พอตัวงอเป็นกุ้ง คุณหมอวิสัญญีก็ทำการบล็อคหลัง
ตอนแรกก็กลั๊วกลัว เพราะเคยไปอ่านมาเค้าบอกเจ็บมาก
แต่พอเอาเข้าจริง...

เอ้ย...มันเจ็บจี๊ดๆแค่นี้เองเหรอ o_O

พอบล็อคหลังเสร็จ คุณหมอก็รีบจับนอนหงาย แล้วก็ครอบหน้ากากอ็อกซิเจนให้
จากนั้นอจ.บุญชัยก็เดินเข้ามา

ตอนอจ.เดินเข้ามาก็ตกใจอีกรอบว่า เอ้ย จะผ่าแล้วเหรอ แล้วยุ่นล่ะยุ่นอยู่ไหน
หันซ้าย หันขวา ก็ไม่มียุ่นอยู่ในห้องผ่าตัด เลยรีบถามคุณหมอไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลว่า
“สามีหนูอยู่ไหนคะคุณหมอ?

คุณหมอก็หัวเราะ แล้วก็บอกว่า
“ไม่ต้องกลัวครับ อยู่ข้างนอก เดี๋ยวก็จะได้เข้ามาแล้ว”

เพิ่งรู้จากยุ่นตอนหลังว่า ตอนนั้นยุ่นกำลังง่วนกับการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมพร้อมเข้าห้องผ่าตัดอยู่

คุณพ่อพร้อมแล้วครับ
พอยุ่นเข้ามาในห้องผ่าตัด ก็มานั่งจับมืออยู่ข้างๆด้านขวา

คุณหมอก็เริ่มใช้คีมปลายแหลมทดสอบระดับการชา พอเห็นว่าชาขึ้นไปจนเกินระดับสะดือแล้วก็เริ่มลงมีด

จังหวะที่ลงมีดนี่บอกตรงๆว่าไม่รู้สึกอะไรเลย แต่หลังจากนั้นแค่แป๊บเดียวก็รู้สึกเหมือนกับถูกดึง และทึ้งที่ลำตัวอย่างรุนแรง มันรู้สึกตึงมากจนต้องร้องโอดโอยออกมาว่า
“ยุ่นนนนน ตึงอ่ะ ตึงมากๆ โอ๊ยยย...ทำไมมันตึงอย่างนี้”

แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับโดนย้ายอวัยวะออกมาจากร่างกาย...
(ฟังดูโหดไปหน่อย แต่มันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆค่ะ Y-Y)

ทันใดนั้นเอง...

อุแว้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

วู้ดไพล์...เสียงของวู้ดไพล์ เจ้าวู้ดไพล์ลืมตาออกมาดูโลกใบนี้แล้ว

โมเม้นท์ที่ได้ยินเสียงอุแว้แรกของลูก ความกังวล ความกลัว ความเจ็บทั้งหลายแหล่ มันหายไปหมด
ตอนนั้นไม่สนใจแล้วว่าลูกจะครบ 32 มั้ย
รู้แต่ว่าเสียงร้องที่ดังลั่นของลูกมันนำมาซึ่งความปลาบปลื้ม ตื่นเต้น และดีใจที่สุดในชีวิต

น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความดีใจจนคุณพยาบาลต้องมาบอกให้หยุดร้อง เพราะเดี๋ยวจะถ่ายรูปครอบครัวรูปแรกให้ ถ้าร้องไห้เดี๋ยวจะถ่ายรูปไม่สวยนะ

รูปครอบครัวรูปแรกในชีวิตของเราทั้งสามคน
และนี่...คือจุดเริ่มต้นของการก้าวเดินไปข้างหน้าของครอบครัวเราซึ่งไม่ได้มีแค่พิมและยุ่นอีกต่อไป
เราจะต้องทำหน้าที่สั่งสอนลูก และในขณะเดียวกันลูกก็คงจะสอนอะไรหลายๆอย่างให้กับเรา
ตื่นเต้นจัง...ที่เราจะได้เรียนรู้อีกหลายมุมมองของชีวิตจากวู้ดไพล์

ทุกๆวันจากนี้ไป คงจะมีทั้งความสุข สนุก ทุกข์ เศร้า ตื่นเต้น ท้าทาย มากมายรอเราอยู่ข้างหน้า
แต่ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เราสามคนก็จะจับมือก้าวเดินไปพร้อมๆกัน...ด้วยความรักที่เปี่ยมล้น

อย่าลืมติดตามและให้กำลังใจกับการสร้างครอบครัวน้อยๆของเราทั้งสามคนด้วยนะคะ
พบกันใหม่ ใน blog หน้าค่ะ
ขอบคุณค่ะ

Monday, September 3, 2012

Baby Checklist#5 (Nursery & Misc)



1.     เตียงไม้
ซื้อเตียงไม้รุ่น Gulliver ของอิเกียมาค่ะ ขนาดเล็กไปหน่อย แค่ 60x120 ซม.เท่านั้น แต่มั่นใจในความปลอดภัยได้เพราะผ่านมาตรฐานใหม่ (US standard 16 CFR 1219)  ในการผลิตเตียงไม้สำหรับเด็กอ่อนของอเมริกา



2.     ที่นอน
รู้สึกว่าที่นอนเด็กอ่อนของอิเกียนุ่มไปค่ะ กังวลเรื่อง SIDS (Sudden Infant death Syndrome) หรือโรคไหลตายในเด็กมาก เลยไปสั่งร้านที่รับตัดที่นอนยางพารา 100% ให้ตัดตามขนาดของเตียง ที่นอนของพี่วู้ดไพล์เลยแข็งด๊งสมใจแม่ แต่ตอนนี้ก็แอบโรคจิตค่ะ กลายเป็นมากังวลแทนว่า มันแข็งไปมั้ยเนี่ยะ =_= แต่คุณยายก็ปลอบใจว่า แข็งๆแหละดีแล้ว ปลอดภัย ดีกว่าแบบนุ่มๆแน่นอน
 

3.     ผ้าปูที่นอน 
4.     ผ้าห่ม
5.     Sleep sack
 
ตอนกลางคืนที่ลูกนอนยาว ตั้งใจจะฝึกให้เขานอนใน sleep sack เพื่อความปลอดภัยจาก SIDS ค่ะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าพี่วู้ดไพล์จะยอมรึเปล่า อารมณ์เดียวกับไม่แน่ใจว่าเขาจะยอมใส่ชุดหมีนั่นแหละค่ะ เพราะเหมือนไปจำกัดอิสระของแข้งขาของเขา  

6.     มุ้ง
จริงๆอยากได้มุ้งของอิเกียมาก น่ารักที่สุด แต่ว่าต้องเจาะผนังห้องเพื่อทำที่แขวนค่ะ เลยเป็นอันต้องอดไปเพราะไม่อยากจะเจาะผนังบ้าน สรุปเลยซื้อของ cool kids มาค่ะ แบบมีขาตั้งกับพื้น สะดวกดีเหมือนกันค่ะ จะได้ย้ายเตียงวู้ดไพล์ไปมาได้
 
7.     ผ้ายางสักหลาด
สำหรับกันฉี่ลูกเลอะที่นอนค่ะ
 
8.     โมบายล์


สำหรับลูกชายแล้วดูแต๋วไปรึเปล่าก็ไม่รู้ เหมือนเป็นการสนองนี้ดแม่มากกว่า เพราะน่ารักแม่ชอบมาก^^
9.     เบบี้มอนิเตอร์


หน้าจอสี 3.5นิ้ว ภาพชัดทั้งในที่สว่างและที่มืด ตัวกล้องสามารถ pan tilt แล้วก็ zoom ได้ด้วยค่ะ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ http://www.toysrus.com/product/index.jsp?productId=12369628
นี่เป็นคลิปสาธิตการวิธีการใช้งานค่ะ http://www.youtube.com/watch?v=ZA8WPBYVyrkhttp://www.youtube.com/watch?v=ZA8WPBYVyrk
 
10.     ตู้เสื้อผ้า
ซื้อของ IKEA รุ่น Stuva มาค่ะ ด้านในมีทั้งราวแขวนเสื้อและตระกร้าใส่เสื้อผ้าดึงเข้าออกได้ค่ะ 
 
11.     โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม
รุ่น Gulliver ของ IKEA เหมือนกันค่ะ  

 Miscellaneous
1.     กระเป๋าคุณแม่



ซื้อมาจากญี่ปุ่น ยี่ห้อ MammyRooค่ะ  คุณพ่อยุ่นเป็นคนเลือก คุณพ่อยุ่นบอกว่าชอบตรงที่กระเป๋าข้างในมีช่องเก็บของเยอะแยะ มีกระเป๋าใบเล็กไว้ใส่ของจุ๊กจิ๊ก มี changing pad แถมด้านข้างกระเป๋ายังมีช่องซิปบุด้วยไนล่อนทอพิเศษผสมสารดับกลิ่นเอาไว้ใส่ diaper ที่ใช้แล้วในยามคับขันที่หาถังขยะทิ้งทันทีไม่ได้อีกด้วยค่ะ
 
2.     ของเล่นเสริมพัฒนาการ


จริงๆแล้วคุณหมอบอกว่า ของเล่นที่สนุกและดีที่สุดในโลกของลูกก็คือพ่อแม่ค่ะ แหะๆ แต่เวลาเดินผ่านร้านขายของเล่นมันก็อดใจไม่ไหวทุกที ต้องหยิบติดไม้ติดมือมาชิ้นสองชิ้นตลอด

3.     Play gym


 
Rainforest Melogies and Lights Deluxe Gym ของ fisher-price ค่ะ ซื้อตั้งแต่ตอนอยู่ญี่ปุ่นแล้วก็หอบกลับไทยมาด้วยเพราะตอนนั้น Amazon Japan ลดราคาเยอะเลยค่ะ เกือบจะ 50% ได้

ดูจากในยูทูป เห็นเด็กๆที่เล่นใน play gym นี้ดูคึกคักกันดี เลยคิดว่าเจ้าวู้ดไพล์น่าจะถูกใจเหมือนที่เพื่อนๆถูกใจน้า

แฮ่ก...จบแล้วค่ะ...มันยาวมากจริงๆ อ่านกันจนจบมั้ยคะ หรือว่าเบื่อกันไปซะก่อน
คุณพ่อคุณแม่ที่มีประสบการณ์การในการเลี้ยงลูกน้อยเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะคะ อะไรใช้ดี อะไรใช้ไม่ดี หรือมีอะไรอยากจะเสนอแนะเพิ่มเติม เชิญได้เลยนะคะ เพื่อเป็นประโยชน์กับว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทั้งหลายค่ะ (ซึ่งก็รวมพิมอยู่ในนั้นด้วย ฮี่ๆ) ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะคะ^^
แล้วพบกันใหม่บล็อกหน้าค่ะ