แต่พิมต้องกลับไปคนเดียวก่อน ยุ่นไม่สามารถจะกลับพร้อมกันได้เพราะยังต้องอยู่สะสางงานในหน้าที่อีกหลายอย่างกว่ายุ่นจะกลับมาได้ก็โน่นเลย...วันที่ 20 สิงหาคม หรือวันที่พิมมีอายุครรภ์ครบ 36 สัปดาห์ 6 วัน ช่วงที่ร้อรอรอการกลับมาของยุ่นอยู่ที่เมืองไทยก็ใจคอไม่ค่อยดี เป็นกังวลเรื่อยๆว่าชั้นจะคลอดก่อนที่ยุ่นจะกลับมามั้ยน้อ ยิ่งได้อ่านประสบการณ์คลอดก่อนกำหนดจากห้องชานเรือนหรือ babyfancy.com ก็ยิ่งกังวล (โรคจิตมากๆ ก็รู้ว่าอ่านแล้วจะต้องกลัว แล้วจะอ่านไปเพื่อ...?) แต่คนที่กลัวที่สุดเห็นจะเป็นคุณพ่อยุ่นที่กลัวมากๆว่าจะพลาดหนึ่งในโมเม้นท์ที่สำคัญที่สุดของชีวิตไป
ยุ่นพูดตลอดว่า ไม่รู้ว่ามันจะเศร้าซักแค่ไหนถ้าสุดท้ายแล้วยุ่นกลับมาให้กำลังใจพิมในห้องคลอดไม่ทัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่ายุ่นจะพลาด...ไม่ได้ยินเสียง "อุแว้" แรกของลูกด้วย แถมยุ่นยังไม่เคยได้สัมผัสพุงของพิมเวลาที่วู้ดไพล์ดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาอีกต่างหาก ทุกครั้งที่เฟสไทม์หากัน ยุ่นจะขอให้เอาลำโพงไปจ่ออยู่ใกล้ๆพุง แล้วพูดบอกลูกว่า
"วู้ดไพล์ครับ วู้ดไพล์รอคุณพ่อก่อนนะครับ อย่าเพิ่งออกมาก่อนที่คุณพ่อจะกลับไปล่ะ วู้ดไพล์เป็นเด็กดี เชื่อฟังคุณพ่อนะครับ" และเจ้าวู้ดไพล์…ก็ไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวัง :)
วันจันทร์ที่
20 สิงหาคม
คุณพ่อยุ่น...เดินทางกลับมาถึงเมืองไทยอย่างปลอดภัยตามกำหนดตอน
4 โมงเย็นของวันจันทร์ที่
20 สิงหาคม
พิมไม่ได้ไปรอรับยุ่นที่สนามบิน
เพราะถูกยุ่นสั่งไม่ให้ไปรับ ยุ่นกำชับว่าให้นอนนิ่งๆอยู่ที่บ้านนั่นแหละ
ถ้าเป็นไปได้
ให้เคลื่อนไหวตัวให้น้อยที่สุด
อย่าทำกิจกรรมฮาร์ดคอร์อันใดที่จะเป็นการกระตุ้นให้เจ็บท้องคลอดในช่วงที่ยุ่นกำลังอยู่บนเครื่องบินเป็นอันขาด
โอเค...สามีกำชับมา
ศรีภรรยาอย่างเราก็ต้องเชื่อฟัง!
จำได้ว่าวันนั้นนี่พยายามนอนนิ่งๆแทบจะตลอดทั้งวัน
ระหว่างที่นอนๆอยู่ก็กังวลไปต่างๆนานา คิดไปว่า
ถ้าเจ้าวู้ดไพล์ดันมาหักมุมไม่รอคุณพ่อ อยากออกมาดูโลกกว้างตอนนี้จะทำยังไงดี แต่...สังเกตอาการของตัวเองแล้วก็เชื่อมั่นว่าลูกยังไม่มาร้อก
คือลูกก็ยังดิ้นดี ท้องก็ไม่ได้แข็งอะไร
เข้าห้องน้ำก็เช็คตลอดว่ามีมูกล่งมูกเลือดอะไรบ้างมั้ย ทุกอย่างก็ยังปกติดี ปลอบใจตัวเองว่าอย่าเพิ่งกังวลมากไปน่า
ลูกน้อยต้องรอคุณพ่ออย่างแน่นอน!
แต่แล้วความกังวลใจมากมายที่สุมอยู่ในจิตใจก็มลายหายสิ้นไปแทบจะในทันทีที่ได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้าน...
เปิดประตูบ้านไป
เห็นยุ่นยืนยิ้มแป้นแล้นอยู่นี่น้ำตารื้นโผเข้ากอดสามีตัวเองแบบลืมตัวว่าเป็นสาวท้องแก่ไปเลย
อารมณ์ตอนนั้นมันทั้งดีใจ
ทั้งโล่งใจ
สี่เดือนแห่งการรอคอยสิ้นสุดลงเสียที
ในที่สุดยุ่นก็มาทัน !!
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ดีใจๆๆๆ
น้ำตาไหลพรากๆ T-T
.......................................................................................................
วันอังคารที่ 21 สิงหาคม
ช่วงเย็นของวันนี้มีนัดตรวจครรภ์ครบ
37 สัปดาห์กับอจ.หมอบุญชัยที่ BNH
ไปถึงรพ. คุณหมอก็จับทำ u/s เพื่อดูว่าเจ้าวู้ดไพล์กลับหัวแล้วหรือยัง
เพราะมาตรวจเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตอนอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ วู้ดไพล์อยู่ในท่าก้น (เป็นท่าที่ทารกไม่ยอมกลับตัวเอาหัวลง) คุณหมอก็บอกว่า สัปดาห์ที่ 37 มาดูกันอีกที ถ้ายังไม่กลับหัว ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 38 เป็นต้นไปคงต้องนัดผ่า
เพราะการที่ลูกอยู่ในท่าก้นนั้นอันตรายมาก หากน้ำเดิน หรือถุงน้ำคร่ำแตกขึ้นมา
สายสะดืออาจจะย้อยลอดหว่างขาของลูกออกมาข้างนอก ทำให้ลูกขาดอ็อกซิเจน เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
และผลสรุปจากการ u/s คือ วู้ดไพล์ก็ยังอยู่ในท่าก้น เลยนัดกับคุณหมอว่าจะผ่าคลอดให้เจ้าวู้ดไพล์ออกมาโตข้างนอกในวันอังคารที่
28 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่จะมีอายุครรภ์ครบ 38 สัปดาห์พอดีเป๊ะ!
คุณหมอถามด้วยว่ามีฤกษ์ผ่ามั้ย
ก็บอกคุณหมอไปว่า ไม่มี ขอเป็นฤกษ์สะดวกคุณหมอดีกว่า เอาเวลาที่คุณหมอสะดวก สดชื่น
เต็มที่พร้อมกับการผ่าตัด นั่นแหละ ฤกษ์ที่ดีที่สุดของลูกเรา
คุณหมอเช็คตารางเวลาของคุณหมอ
แล้วก็บอกว่า งั้นเอาเป็นตอนเช้าซัก 7 โมงครึ่งก็แล้วกัน แล้วคุณหมอก็กำชับว่า
ในช่วงหนึ่งอาทิตย์นี้พยายามอย่าเดินมาก แล้วถ้าเกิดมีมูกเลือด
ห้ามนั่งชิลอยู่ดูอาการที่บ้านเด็ดขาด ให้รีบบึ่งมาโรงพยาบาลทันที
เพราะอย่างที่คุณหมอบอกว่าการที่ลูกอยู่ในท่าก้นนั้นอันตรายมาก
พอออกมาจากห้องตรวจของคุณหมอ
ก็ตื่นเต้นกับยุ่นกันใหญ่
จากวันนี้ไปอีกแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้นจะได้เจอกับลูกชายสุดที่รักที่อยู่ในพุงแล้วเหรอเนี่ยะ
การเปลี่ยนแปลงก้าวที่ยิ่งใหญ่มากๆของชีวิตกำลังจะมาถึง
โอ๊ยยยยย ตื่นเต้นๆๆ
คืนวันนั้นก็เริงร่าคุยกับยุ่นว่า
หนึ่งอาทิตย์ที่เหลือจะทำอะไร และไปไหนกันดี มีข้าวของเครื่องใช้บางอย่างของลูกที่ยังไม่ได้ซื้อ
ก็จะได้จัดการให้เสร็จสิ้นในอาทิตย์นี้ คุณหมอเตือนมาว่าอย่าเดินมาก
แต่ยุ่นบอกว่ารับรองว่าพิมแทบจะไม่ต้องเดินเลย เพราะยุ่นได้เตรียม wheel chair ไว้เรียบร้อยแล้ว อาทิตย์สุดท้ายก่อนคลอด
พิมอยากจะไปช้อปปิ้งที่ไหน อยากทานอะไร ยุ่นจะเข็นๆๆๆ พาพิมไปทุกที่
เป็นการชดเชยช่วง 4 เดือนที่ยุ่นไม่ได้อยู่ใกล้ๆคอยดูแลพิม
ไอ้เราก็ฝันหวาน...จะได้ใช้ชีวิตคู่แบบหวีดหวานหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ
(กรี๊ดๆๆ)
แล้วหลังจากนั้นก็จะมีลูกน้อยน่ารักมาเติมเต็มชีวิตคู่ของเรา
PERFECT!
.......................................................................................................
วันพุธที่ 22 สิงหาคม เวลา 0:30 น.โดยประมาณ
ในขณะที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนฝันหวานอยู่บนเตียงนอน
โดยที่มียุ่นนอนสลบเหมือดด้วยความเหนื่อยล้าอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกเหมือนว่ามีน้ำอะไรไหลปรื๊ดออกมาเปื้อนกกน.
ตอนนั้นจำได้ว่าหัวใจเต้นตึกตักรุนแรงมาก...ไม่ต้องเข้าห้องน้ำไปดู
สัญชาตญาณก็บอกได้ว่ามันไม่ใช่ฉี่แน่ๆ
มันแปลกๆ
มันไม่ธรรมดา
มันไม่ปกติ
หรือว่ามัน...จะเป็น
ว่าแล้วก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ
คว้าทิชชู่ เช็ดๆๆ เพื่อทำการคอนเฟิร์ม
และแล้ว...สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็คือ...
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
“มูกเลือดดดดดดดดดดดดดด”
มันคือ
“มูกเลือดดดดดดดดดดดดดด”
(555+ ดูคลุ้มคลั่งมากๆ)
รีบวิ่งออกจากห้องน้ำมาปลุกยุ่น
พิม : ยุ่นนนนนนนนน!!! ดูนี่เร็วววววววว มูกเลือดดดดดดดดดดด!!!
ยุ่น : (งัวเงียๆ ไร้เสียงตอบรับ)
พิม : ยุ่นนนนนนนนน!!! ตื่นๆๆๆๆ มูกเลือดมาแล้ว วู้ดไพล์จะมาแล้ว!!!
ยุ่น : มูกเลือด? วู้ดไพล์?
พิม : ใช่แล้วจ้ะ!!!! วู้ดไพล์จะมาแล้ว!!!
(น้ำตาเริ่มเอ่อ จากทั้งความตื่นเต้น ดีใจ ตกใจ
ผสมปนเปมั่วไปหมด)
ยุ่น : ห้ะ?!!! มูกเลือด!!!
วู้ดไพล์!!! กระเป๋ารพ.ที่พิมเตรียมไว้อยู่ไหน ไปรพ.กันเดี๋ยวนี้เลย โอ๊ย…แล้วยุ่นยังไม่ได้เตรียมของยุ่นเลย!!! แว้กกกกกกก (ยุ่นขาหมุนเป็นวงกลม) จังหวะที่กำลังล่กกับยุ่นอยู่
คุณยายก็โผล่หน้าเข้ามาในห้อง เพิ่มความโกลาหลให้กับสถานการณ์ขึ้นไปอีก
คุณยาย : ห้ะ?!!! มูกเลือด!!! วู้ดไพล์!!! วู้ดไพล์หลานยายจะมาแล้ว!!! รอยายด้วยเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บเดียว
ยายไปด้วย!!!
จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถ
มุ่งหน้าไปโรงพยาบาล ระหว่างอยู่บนรถก็โทร.หาห้องคลอด
เล่าอาการให้ฟังด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นว่าเป็นคนไข้ของอาจารย์บุญชัย
เพิ่งไปตรวจครรภ์ครบ 37 สัปดาห์กับอาจารย์มาเมื่อวาน เมื่อสักครู่ตอนเที่ยงคืนครึ่งมีมูกเลือดออกมา
พยาบาลที่ห้องคลอดก็ถามกลับมาด้วยเสียงใจดี
นิ่งๆ เย็นๆ (สมแล้วที่เป็นพยาบาลประจำห้องคลอด
ที่ต้องเจอกับสถานการณ์ตื่นเต้นอยู่บ่อยๆ) ว่ามีมูกเลือดออกมาเยอะมั้ยคะ ก็ตอบกลับไปว่า ไม่เยอะมากค่ะ
คุณพยาบาลเลยแนะนำว่า จริงๆแล้วจะรอดูอาการอยู่ที่บ้านก่อนก็ได้ แต่พิมก็บอกไปว่า ล่าสุด u/s กับอาจารย์บุญชัย
พบว่าลูกอยู่ในท่าก้น อาจารย์บอกว่าอันตราย ถ้ามีมูกเลือดไม่ให้รอดูอาการ
ให้รีบมารพ.ทันที!! (ยังคงทำเสียงล่กใส่คุณพยาบาลอยู่) คุณพยาบาลได้ยินอย่างนั้นก็บอกว่า
เข้าใจแล้วค่ะ มาถึงรพ.แล้วติดต่อแผนกฉุกเฉินนะคะ เดี๋ยวทางแผนกฉุกเฉินจะติดต่อมาที่ห้องคลอดเองค่ะ
โชคดีมากๆที่เจ้าวู้ดไพล์ส่งสัญญาณเตือนตอนดึกดื่นไร้รถราบนท้องถนนแบบนี้
คุณพ่อยุ่นเลยยิงตรง door-to-door จากบ้านถึงรพ.แบบขาสั่นๆในเวลาแค่แป๊บเดียว
.......................................................................................................
เวลา1:00 น. โดยประมาณ
มาถึงรพ. ถูกจับขึ้นเตียงรถเข็น
แล้วก็ถูกเข็นๆๆขึ้นมาที่แผนกห้องคลอด
ตอนแรกก็ตื่นเต้นตกใจสุดขีด
คิดว่าจะต้องถูกจับผ่าท้องในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
แว้กกกกกกก
ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรเลย
ตื่นเต้นๆๆ
แต่...ยังค่ะยัง...ยังไม่ได้ถูกจับผ่า
ห้องที่ถูกเข็นมานอนพัก
ยังไม่ใช่ห้องผ่าคลอดค่ะ แต่เป็นห้องรอคลอด
นอนรออยู่แป๊บนึงคุณพยาบาลก็เอาป้ายชื่อมาผูกให้ที่ข้อมือ
แล้วก็ทำการติดเครื่องมือที่ผนังหน้าท้องเพื่อทำการวัดการบีบตัวของมดลูก
(Contraction Stress Test)
พร้อมกับวัดอัตราการเต้นของหัวใจลูก
คุณพยาบาลผูกป้ายชื่อให้ |
ทาเจลเย็นๆที่พุง |
ติดเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจวู้ดไพล์ |
นอนรอหน้าระรื่นไปเรื่อยๆ อะดรีนาลีนหลั่ง ไม่ง่วงเลยแม้แต่น้อย |
วัดไปได้ซักพัก
ก็มีคุณหมอสูติเวรมาตรวจภายในเพื่อที่จะดูว่าปากมดลูกเปิดแล้วรึยัง
คุณหมอบอกว่าปากมดลูกยังไม่เปิด
แต่ก็เริ่มบางและอ่อนนุ่มลงแล้ว
ยุ่นเลยถามคุณหมอไปว่า
“อย่างนี้
ต้องคลอดพรุ่งนี้เช้าแน่ๆใช่มั้ยครับคุณหมอ”
คุณหมอก็ตอบกลับมาว่า
“ใช่ค่ะคุณพ่อ
เช้านี้ได้เจอหน้าลูกแน่ๆค่ะ”
แล้วคุณหมอสั่งให้ถอดเครื่องวัดต่างๆออกจากพุง
แล้วให้นอนพักผ่อนเอาแรง เพื่อเตรียมรอขึ้นเขียงในตอนเช้า
คุณหมอบอกว่าเพิ่งเจอกันเมื่อวานแท้ๆ
นี่แสดงว่าลูกชายรอคุณพ่อนะเนี่ยะ กลับมาจากญี่ปุ่นปุ๊บ ลูกก็อยากจะออกมาเจอพ่อเลย
จริงที่สุด...คิดย้อนไปแล้วก็ขนลุก...เหมือนกับเจ้าวู้ดไพล์รอคุณพ่อกลับมาจริงๆน่ะแหละ
T^T
อจ.หมอตรวจภายในให้อีกรอบนึง
ปากมดลูกก็ยังไม่เปิด แต่ก็ค่อยๆบางลงเรื่อยๆ
คุณหมอเลยบอกว่างั้นอีกสองชั่วโมงครึ่งเจอกัน
ผ่าออกซัก 9 โมงเช้าแล้วกันนะ
เลขสวยๆ
คุณหมอเดินออกจากห้องรอคลอดไปได้ยังไม่ถึง
15 นาทีดี คุณพยาบาลก็เดินเข้ามาบอกว่า
“คุณพิมคะ
คุณหมอขอเลื่อนให้เร็วขึ้นเป็น 7 โมงเช้าค่ะ
คุณพิมโอเคมั้ยคะ”
เหลือบมองนาฬิกาตอนนี้ 6 โมง 45 นาที
7 โมงเช้า ก็...อีก 15 นาที
ห้ะ!!! อีก 15 นาที!!!
ยังไม่ได้ทำใจเลย แต่จังหวะนั้น
จะตอบว่าไม่โอเคมันก็ไม่ใช่ เพราะใจจริงก็อยากจะเจอวู้ดไพล์ใจจะขาดแล้ว
จะรอไปทำไม
ก็รีบตอบคุณพยาบาลไปว่า
“โอเคค่ะ ไม่มีปัญหา!!!”
หลังจากนั้นคุณพยาบาลก็เข้ามาเจาะเลือด
เจาะน้ำเกลือ แล้วก็โกน...
(ไม่ขอบรรยายนะคะว่าโกนยังไง จุดนี้ต้องมาลองเองค่ะ
555+)
มีเพื่อนบอกมาว่า
เจาะน้ำเกลือนี่เจ็บมาก
แต่เอาเข้าจริงตอนนั้นนี่ไม่มีอารมณ์เจ็บปวดจากการถูกจิ้มเจาะแต่อย่างใด
เพราะมัวแต่ตกอยู่ในห้วงอารมณ์ของความตื่นเต้น และความกังวลสุดขีด
คิดไปต่างๆนานาว่าลูกจะแข็งแรงปลอดภัยมั้ย
ถ้าคุณหมอผ่าลูกออกมาแล้วลูกไม่ร้องอุแว้ๆล่ะ จะทำยังไง
หน้าตาลูกก็ยังไม่เคยเห็นชัดๆ ทำ u/s กี่ครั้งๆ เจ้าวู้ดไพล์ก็ไม่ให้ความร่วมมือเลย ไม่เอามือบัง ก็หลบหน้าตลอด
หน้าลูกจะเหมือนใคร จะมีส่วนไหนเหมือนเราบ้างมั้ย ฯลฯ
ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ
อีกแป๊บเดียว...เราจะได้เจอกับคนที่เราเฝ้ารอคอยมาตลอดหลายเดือน
คนที่เราจะรักอย่างไม่มีเงื่อนไข
คนที่เราพร้อมจะเหนื่อย ลำบาก และมอบทุกอย่างในชีวิตให้
คนที่ถึงจะทำให้เราเสียใจสักแค่ไหน เราก็ไม่มีวันที่จะเลิกรัก และห่วงใยได้
คนที่เราพร้อมจะเจ็บ หรือแม้แต่ตายแทนได้
ระหว่างที่กำลังคิดโน่นนี่นั่นอยู่
รู้ตัวอีกทีก็ถูกเข็นเข้ามาอยู่ในห้องผ่าตัดเรียบร้อย
เข้ามาปุ๊บ
ก็โดนเหล่าคุณพยาบาลจับเปลื้องผ้า จุดนั้นก็ไม่มีอายกันล่ะค่ะ
แล้วคุณหมอวิสัญญีแพทย์ก็เข้ามาคุยด้วย
ไม่ทราบว่าคุณหมอชื่ออะไร รู้แต่ว่าเป็นคุณหมอผู้หญิงที่เสียงใจดีมากๆ
ขอบอกว่าเพราะเสียงของคุณหมอทำให้ลดความตื่นกลัวห้องผ่าคลอดได้ไปเยอะเลย^^
คุณหมอบอกว่าให้นอนตะแคงซ้ายแล้วขดตัวงอๆเป็นกุ้ง
ไอ้เราก็ว่าพยายามขดตัวสุดๆแล้วนะ
แต่คุณพยาบาลก็บอกว่างออีกค่ะๆๆๆ กอดเข่าไว้สิคะ คอชิดอกค่ะ
ดูเหมือนคุณพยาบาลจะไม่ค่อยพอใจกับการขดตัวเป็นกุ้งของพิม จนคุณพยาบาลคนนึงต้องเข้ามาช่วยกดหัว
และคุณพยาบาลอีกคนหนึ่งมาช่วยดันเข่า จนหัวกับเข่าแทบจะชนกัน ตอนนั้นตกใจมาก
กลัวว่าลูกจะเป็นอะไรมั้ย เพราะมันรู้สึกเหมือนกับพุงจะแตก
พอตัวงอเป็นกุ้ง
คุณหมอวิสัญญีก็ทำการบล็อคหลัง
ตอนแรกก็กลั๊วกลัว
เพราะเคยไปอ่านมาเค้าบอกเจ็บมาก
แต่พอเอาเข้าจริง...
เอ้ย...มันเจ็บจี๊ดๆแค่นี้เองเหรอ o_O
พอบล็อคหลังเสร็จ
คุณหมอก็รีบจับนอนหงาย แล้วก็ครอบหน้ากากอ็อกซิเจนให้
จากนั้นอจ.บุญชัยก็เดินเข้ามา
ตอนอจ.เดินเข้ามาก็ตกใจอีกรอบว่า
เอ้ย จะผ่าแล้วเหรอ แล้วยุ่นล่ะยุ่นอยู่ไหน
หันซ้าย หันขวา ก็ไม่มียุ่นอยู่ในห้องผ่าตัด
เลยรีบถามคุณหมอไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลว่า
“สามีหนูอยู่ไหนคะคุณหมอ?”
คุณหมอก็หัวเราะ แล้วก็บอกว่า
“ไม่ต้องกลัวครับ อยู่ข้างนอก
เดี๋ยวก็จะได้เข้ามาแล้ว”
เพิ่งรู้จากยุ่นตอนหลังว่า
ตอนนั้นยุ่นกำลังง่วนกับการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมพร้อมเข้าห้องผ่าตัดอยู่
คุณพ่อพร้อมแล้วครับ |
พอยุ่นเข้ามาในห้องผ่าตัด
ก็มานั่งจับมืออยู่ข้างๆด้านขวา
คุณหมอก็เริ่มใช้คีมปลายแหลมทดสอบระดับการชา
พอเห็นว่าชาขึ้นไปจนเกินระดับสะดือแล้วก็เริ่มลงมีด
จังหวะที่ลงมีดนี่บอกตรงๆว่าไม่รู้สึกอะไรเลย
แต่หลังจากนั้นแค่แป๊บเดียวก็รู้สึกเหมือนกับถูกดึง และทึ้งที่ลำตัวอย่างรุนแรง
มันรู้สึกตึงมากจนต้องร้องโอดโอยออกมาว่า
“ยุ่นนนนน ตึงอ่ะ ตึงมากๆ
โอ๊ยยย...ทำไมมันตึงอย่างนี้”
แล้วจู่ๆ
ก็รู้สึกเหมือนกับโดนย้ายอวัยวะออกมาจากร่างกาย...
(ฟังดูโหดไปหน่อย แต่มันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆค่ะ
Y-Y)
ทันใดนั้นเอง...
“อุแว้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
วู้ดไพล์...เสียงของวู้ดไพล์ เจ้าวู้ดไพล์ลืมตาออกมาดูโลกใบนี้แล้ว
โมเม้นท์ที่ได้ยินเสียงอุแว้แรกของลูก
ความกังวล ความกลัว ความเจ็บทั้งหลายแหล่ มันหายไปหมด
ตอนนั้นไม่สนใจแล้วว่าลูกจะครบ 32 มั้ย
รู้แต่ว่าเสียงร้องที่ดังลั่นของลูกมันนำมาซึ่งความปลาบปลื้ม
ตื่นเต้น และดีใจที่สุดในชีวิต
น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย
ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความดีใจจนคุณพยาบาลต้องมาบอกให้หยุดร้อง
เพราะเดี๋ยวจะถ่ายรูปครอบครัวรูปแรกให้ ถ้าร้องไห้เดี๋ยวจะถ่ายรูปไม่สวยนะ
รูปครอบครัวรูปแรกในชีวิตของเราทั้งสามคน |
และนี่...คือจุดเริ่มต้นของการก้าวเดินไปข้างหน้าของครอบครัวเราซึ่งไม่ได้มีแค่พิมและยุ่นอีกต่อไป
เราจะต้องทำหน้าที่สั่งสอนลูก
และในขณะเดียวกันลูกก็คงจะสอนอะไรหลายๆอย่างให้กับเรา
ตื่นเต้นจัง...ที่เราจะได้เรียนรู้อีกหลายมุมมองของชีวิตจากวู้ดไพล์
ทุกๆวันจากนี้ไป คงจะมีทั้งความสุข
สนุก ทุกข์ เศร้า ตื่นเต้น ท้าทาย มากมายรอเราอยู่ข้างหน้า
แต่ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
เราสามคนก็จะจับมือก้าวเดินไปพร้อมๆกัน...ด้วยความรักที่เปี่ยมล้น
อย่าลืมติดตามและให้กำลังใจกับการสร้างครอบครัวน้อยๆของเราทั้งสามคนด้วยนะคะ
พบกันใหม่ ใน blog หน้าค่ะ
ขอบคุณค่ะ